วันเสาร์ที่ 1 มีนาคม พ.ศ. 2557

#1 Intro

เกริ่นก่อน.........

        "ญี่ปุ่น" ประเทศที่ใครหลายคนคุ้นเคย ด้วยวัฒนธรรมที่แทรกซึมผ่านทางช่องทางต่างๆ ที่เห็นได้ทั่วไปในชีวิตประจำวันของเด็กไทยอย่างเรา ทั้งการ์ตูนญี่ปุ่นที่อ่านกันเป็นสิบๆเรื่อง เพลงญี่ปุ่น ซีรี่ย์ต่างๆ (ที่นักแสดงนำเป็นผู้ ญ ซะส่วนใหญ่ :D) ไหนจะวัฒนธรรม อาร์ทๆ อีกมากมาย ที่มีการนำเสนอ ทั้งทางรายการต่างๆ ทางสื่อต่างๆ จนแทบจะแทรกอยู่ในชีวิตประจำวันของเรา จนเหมือนจะเป็นการไซโคให้เราอยากลองไปประเทศนี้ดูซักครั้ง  

จากที่กล่าวมาแล้วไม่แปลกเลยที่ประเทศ ญี่ปุ่น จะกลายเป็นประเทศในความฝันของใครหลายๆคน เราเองก็เป็นหนึ่งในนั้น อ่านการ์ตูนไม่รู้กี่เรื่อง ฟังเพลงญี่ปุ่น อยากเห็นประเทศญี่ปุ่นของจริง เทศกาลของจริง อาหารญี่ปุ่น งานวัด ชุดยูกาตะ พิธีดื่มชา ตลาดปลา โน่นนั่นนี่ วัฒนธรรม ความเป็นระเบียบ .... แต่เรื่องต่างประเทศ สำหรับคนที่ไม่ค่อยจะมีตังค์เท่าไรอย่างเรานั้น มันดูเป็นเรื่องห่างไกลเหลือเกิน ชาตินี้ไม่รู้จะได้ไปต่างประเทศกับเค้าหรือเปล่า ได้แต่ฝันกันไป แต่หลังจากเรียบจบ เริ่มจะหาตังค์ได้ แล้วประกอบกับ เส้นทางในการไปประเทศ ญี่ปุ่น นั้นเหมือนจะเริ่มสดใสขึ้น จนกระทั่งมีการประกาศยกเลิก Visa สำหรับคนไทยที่จะไปเที่ยวประเทศญี่ปุ่น และราคาตั๋วที่ลดลงเรื่อยๆ จนสามารถจับต้องได้ ในที่สุดจึงบังเกิดทริป ตะลุยโตเกียว 7 คืน 7 วัน (ไม่นับเวลาอยู่บนเครื่องบิน) 

        โดยเริ่มก่อนที่จะเดินทางจริงๆอยู่นานหลายเดือน ในเมื่อเริ่มเห็นหนทางในการที่จะได้ไปประเทศแห่งความฝันประเทศนี้แล้ว  จึงเกิดการวางแผนที่จะไปญี่ปุ่นขึ้นมา คิดกันเป็นเดือนว่าจะไปตอนไหนดี ไปกันกี่คน วางแผนกันไปมา สุดท้ายก็ได้ไปกัน 2 คน คือตัวเรา และน้องที่ทำงานอีก 1 คน ช่วงนั้นมีข่าวของสายการบิน Air asia X บินตรงไปญี่ปุ่น แต่ยังไม่คอนเฟิร์มว่าจะเปิดเดือนไหน แต่ด้วยความที่ทุกคนต่างก็ไปญีปุ่นกันเป็นว่าเล่น จึงทำให้เกิดอาการ รอไม่ไหวแล้วโว้ยยยย ไปเหอะ ไม่ต้องรอแม่มแล้ววววว หาตั๋วกันรัวๆ อยู่ที่ทำงานนี่ต้องมีโปรมาโชว์กัน ได้อาทิตย์ละ 2-3 โปร สุดท้าย ก็ได้โปรที่คิดว่า อืมม ราคาโอเคแล้วล่ะ (ไม่รู้ว่าสำหรับคนอื่นจะถูกป่าวนะ แต่นี่ก็พอใจละ) สรุปว่าได้ โปรของ Air asia ราคาประมาณไปกลับ 11,000 + ค่ากระเป๋า 20 กิโล ทั้งขาไปและขากลับ อีกประมาณ 2000 บาท ทั้งยังมีค่าจองที่นั่งขาไป (ด้วยความเห่อ ที่ไม่เคยขึ้นเครื่องบิน เห็นรูปปีกเครื่องบินที่เค้า ถ่ายๆกันมา แล้วก็อยากได้รูปแบบนั้นเป็นของตัวเองบ้าง จึงยอมจองที่นั่งขาไปด้วย และยังมีอีกเล็กน้อยเป็นค่าประกันพวก สัมภาระ อีกนิดหน่อย)

ซึ่งกำหนดการที่จะไป คือ 8 ก.พ. - 15 ก.พ. 57 กลับถึงไทย 16 ก.พ.
เนื่องจาก มีวันหยุด 1 วันคือ มาฆบูชา 14 ก.พ.  ทำให้ลางาน แค่ 4 วันก็ได้ไปยาวถึง 8 วัน โดยไปลงที่สนามบิน ฮาเนดะ




หลังจากได้ตั๋วและจองแล้ว ต่อมาคือ ที่นอนล่ะ เราจะนอนที่ไหนกันดี ปรึกษาพี่ๆ ได้ความว่า Hostel น่าจะเป็นทางเลือกที่ดี เพราะราคาถูก บริการดี และ อยู่กลางใจเมือง ครั้งแรกที่เล็งกันไว้คือ "Khoasan Tokyo Original" ด้วยความที่อยู่ใจกลางเมือง และ ราคาถูก จึงทำการหาวิธีจอง สุดท้ายก็ได้ที่จองคือ เว็บ www.hostelworld.com ตอนนั้นได้ราคาห้อง 2 คนประมาณคืนละ 800-900 ราวๆนี้ ซึ่งโอเครับได้ .... แต่ปัญหาแรกก็เกิดขึ้น ทั้งๆที่คิดว่าช่วงที่ไปเป็น low season แล้ว แต่ด้วยความฮอทของที่นี่ ก็ยังทำให้ที่พักว่างไม่พอวันที่เราจะไปพัก มีฟันหลออยู่ 2 วัน จึงต้องทำการค้นหาที่พักกันใหม่ สุดท้ายแล้ว ก็ได้ที่พักที่"Khoasan Tokyo Samurai" สาขาย่อยของ Hostel ชื่อดังนี้ ซึ่งอยู่ไกลออกมาหน่อย แต่ก็ยังห่างรถไฟฟ้าแค่ประมาณ เดิน 5 นาที ซึ่งที่นี่ห้องพักว่างตั้งแต่คืนวันที่ 9 ไปจนถึง 14 เลย ดังนั้นในที่สุดจึงได้ที่พักจนได้ ช่วงนั้นมีเรื่องน่าตื่นเต้นนิดหน่อย คือ ส่งเรื่องไปคอนเฟิร์ม แต่เค้าไม่ตอบกลับมาซักที ซึ่งทางโน้นเค้าก็ขอโทษมาว่า เค้าไม่ค่อยได้เข้ามาเช็คเท่าไร เค้าให้ลองไปเช็คเมลล์ เช็คยังไงก็ไม่เจอ แต่สุดท้ายก็มาเจอว่า เราส่งเมลล์ไปผิดที่ ฮ่าๆๆๆ แต่สุดท้าย ก็คอนเฟิร์มกันสำเร็จ เยสสส !!! ได้ไปญี่ปุ่นแล้วโว้ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย หลังจากนี้คือการวางแผนไปญี่ปุ่นอย่างเมามันนนส์


สรุปค่าใช้จ่ายเบื้องต้น ตามที่คิดไว้ (ขอไปดูแบบละเอียดแล้วจะเอาราคามาลงแบบละเอียดอีกทีนะ)

1. ค่าตั๋วเครื่องบินไปกลับ รวมทุกอย่างประมาณ 13,000 บาท
2. ค่าที่พัก  Khoasan Tokyo Samurai ตกคืนละประมาณ 2,000 บาท หาร 2 คือตกคนละ 1000 บาท รวม 6 คืน ประมาณ 6000 บาท (คืนวันที่ 9 - 14 ตอนนั้นกะว่า ไปถึงญี่ปุ่นคืนวันที่ 8 เราจะนอนที่สนามบิน ฮาเนดะกัน)
3.ค่ากินวันละ 1,500 บาท ประมาณ 7 วัน ราวๆ 10,000 บาท
4. โน่นนั่นนี่ อีก แล้วแต่ จะซื้อ รวมๆแล้วประมาณ ไม่เกิน 35,000 บาท

ทุกอย่างเรียบร้อยก่อนจะไปประมาณ 1 เดือน คิดไว้ในใจว่า 1 เดือนเวลาเหลือๆเลยในการวางแผน และคนอื่นยังบอกว่า ไปโตเกียวเมืองเดียวเนี่ยนะ ตั้ง 7 วัน เดินแปปเดียวก็หมดแล้วไปทำไมตั้ง 7 วัน เราจึงคิดว่า สบ๊ายยยย ค่อยๆวางแผนกันไป โดยแบ่งหน้าที่หลักๆคือ น้องอ๊อฟ วางแผนเรื่องกินซะส่วนใหญ่ และเราวางแผนเรื่องจะไปไหนบ้าง โดยได้รับหนังสือจากพี่ๆมาหลายเล่ม (ขอบพระคุณมากครัช) ซึ่งก็อ่านกันเป็นอาทิตย์กว่าจะจบ จึงบังเกิด แผนคร่าวๆ ขึ้นมาว่าแต่ละวันเราจะไปไหนกันบ้างวางแผนไปมา ชิลไปเรื่อย รู้สึกตัวอีกที อีก 1 อาทิตย์เดินทาง เฮ้ยยยยย !! แผนยังไม่เสร็จเลยเว้ย ตอนนั้น แบบเอาแล้วไงปั่นกันตาแหก สุดท้าย เลยได้แผนของทริปนี้คร่าวๆ ดังนี้




หลังจากจากนั้นยังต้องมานั่งวางแผนของแต่ละวันอย่างละเอียดว่าเราจะไปที่ไหนบ้างในแต่ละวัน โดยดูจากหนังสือที่พี่ๆให้มาเป็นหลัก และตามรีวิวของเว็บต่างๆ ซึ่งกว่าจะได้ที่ที่ลงตัวก็แทบวันสุดท้ายก่อนออกเดินทางเลยทีเดียว และยังได้รับคำแนะนำจากเพื่อนของเพื่อนที่ไปเรียนที่ญี่ปุ่นอีก 1 ทางก่อนเดินทางก็เช็คสภาพอากาศ ก่อนเป็นอาทิตย์ เนื่องจากที่มีคนบอกว่าโตเกียวไปแปปเดียวก็หมด เราจึงตัดสินใจที่จะไปทะเลสาบ "คาวากุจิโกะ" เพื่อไปดู "ฟูจิซัง" ด้วย แต่เปิดเช็คสภาพอากาศกันไปเรื่อยๆ ก่อนไป 1 อาทิตย์ ก็เริ่มมีเรื่องเซอไพร์ เราขึ้นมาเรื่อยๆ เรื่องแรกเลยคือ วันที่เราไปถึงวันแรก หิมะตกจ้าาาาาา อารมณ์ตอนนั้นแบบว่า เหยดดดดดดด หิมะเว้ยยย หิมะครั้งแรกในชีวิตอ้ะ อยากเห็นสุดๆจากแผนในรูปข้างบน เราจึงเลือกหาวันที่ฟ้าเปิดหน่อยไปดูฟูจิซังกัน สรุปว่าแผนก็พร้อมแล้ว เกือบจะถึงวันเดินทางกันอยู่แล้ว คืนวันก่อนเดินทางจึงเป็นวันเตรียมกระเป๋า โดยเตรียมคร่าวๆมาก่อนหน้านี้ แบบ คร่าวมากๆ แนะนำเลยนะ จะไปต่างประเทศนานๆ แบบนี้ เตรียมก่อนซักอาทิตย์เถอะครัช อย่าทำแบบนี้เลยยย แบบนี้เลย เหมือนชั้นไม่เคยมีความหมายย เฮ้ยยย ! ไม่ใช่ละ คือแบบ คิดว่าเตรียมแค่แปปเดียวจะเสร็จ นี่ล่อไปเกือบเที่ยงคืนจ้า ทั้งๆที่ ต้องออกเดินทาง ตี 5 ของอีกวันนึง พูดถึงเรื่องเตรียมของ ที่นานเพราะเราไม่เคยไปต่างประเทศมาก่อน เสื้อผ้าก็ไม่รู้ว่าจะเอาไปเท่าไรดี กลัวกระเป๋าหนักเกิน กลัวนั้นนี่ไปหมด สุดท้ายเลยคิดว่า เอาเสื้อไปพอให้กันหนาวได้ แล้วถ้าไม่พอ ก็ไปซื้อเพิ่มละกัน ส่วนเสื้อผ้าก็เอาไปประมาณ 4 ชุดเนื่องจากที่ Hostel มีบริการเครื่องซักผ้า กับ อบผ้าด้วย เลยกะว่าเดี๋ยวไปซักที่โน่นเอาละกันนะ แล้วก็ยังมีเตรียมเรื่อง ยาต่างๆขนไปเป็นสิบอย่าง (ก็มันกลัวไม่สบายนี่นา เสียดายเวลาแย่เลย ถ้าเกิดไม่สบายขึ้นมา) ที่สำคัญที่สุด สำหรับสาย Landscape อย่างเรา กล้องถ่ายรูป เป็นของสำคัญที่สุด อย่างอื่นลืมเดี๋ยวไปซื้อที่นั่นก็ได้ ไหนจะของจุกจิก อย่างเช่น ดินสอยางลบ สมุดที่อุตส่าห์ลงทุนไปซื้อเล่มละเกือบ 100 เพื่อเอามาบันทึกการเดินทางครั้งนี้ บันทึกความรู้สึกของการไปต่างประเทศครั้งแรก จนในที่สุด ทุกอย่างก็ถูกยัดลงไปในกระเป๋า มีทุลักทุเลนิดหน่อย ตอนพันขาตั้งกล้องกับกระเป๋า เพื่อให้สะดวกในการเดินทาง พูดถึงเรื่องขาตั้งซักนิด ตอนแรกกลัวเค้าจะไม่ให้เอาขึ้น แต่จากการที่โทรไปถาม call center มาสรุปว่า Air asia ให้เอาขาตั้งกล้องขึ้นได้นะครับ และแล้ว การเตรียมของทั้งหมดก็จบลง ถึงเวลาเข้านอน ..... ซึ่งนอนไม่หลับเลย ตื่นเต้นมาก !!!!!!!!!!



Hello Tokyo

ความรู้สึกของวันนี้ (วันก่อนไป 7 ก.พ. 2557)

-ญี่ปุ่นจ๋าาา พี่มาแบ๊ววววววว
-ประเทศแห่งความฝัน นารุโตะ โดราเอมอน วันพีซ บลีช ดราก้อนบอล การ์ตูนโมเอะทั้งหลาย วัฒนธรรมเจ๋งๆ ที่เห็นในการ์ตูนและอีกไม่รู้กี่สิบเรื่อง  แม่งเกิดที่นี่ทั้งนั้น

-จะได้ไปประเทศบ้านเกิด Yoshiki,Hide,Hyde,Tetsu และวงดนตรีอีกหลายยยคนนนน
-นักเรียนญี่ปุ่น จะได้เห็นตัวจริงแล้วสินะ
-ทุกที่จะเต็มไปด้วยเพลง ญี่ปุ่นสินะ

-ร้าน 18+ จะเป็นไงวะ
-อยากถ่ายรูปโคตรๆ
-โตเกียวทาวเวอร์ อ๊ากกก ชิบูย่า ฮาราจูกุ ชินจูกุ โตเกียวสกายทรี อุเอโนะปาร์ค โตเกียวโดม อ๊ากกกก รอก่อนนะ
-กลัวอีก เครื่องบินจะตกป่ะวะ
-จะไปทันเครื่องมั้ย ปวดหูมั้ยเวลาเครื่องขึ้น เครื่องบินเวลาบินเป็นไงนะ อยากรู้แล้ว
-รถไฟใต้ดินล่ะ สายหยุบหยับขนาดนั้น จะขึ้นถูกมั้ย แต่ไม่เป็นไรอย่างน้อยก็มีเพื่อน
-รอไม่ไหวแล้ว อยากเห็นของจริงทุกๆอย่าง พี่จะกดชัตเตอร์แม่มรัวๆเลยยยยยยย
-นอนเหอะ เดี๋ยวหมดแรงพอดี
-นอนไม่หลับ แม่ม ซวยแล้ววไงง



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น