คืนก่อนหน้า เข้านอนด้วยความรวดเร็วเพราะว่าวันนี้จะต้องตื่นเช้าอย่างมาก เพราะเราจะไปลุยตลาดปลากัน ที่นี่มีร้านซูชิชื่อดังมากมาก ซึ่งร้านพวกนี้ถ้าไปช้า จะทำให้เราเสียเวลาอย่างมากๆ ไม่ใช่เพราะว่า เสียเวลาจากการนอนหรืออะไรนะ แต่เพราะว่าถ้าไปสาย แถวที่ต่อจะโคตรยาวววว ต่อคิวกินซูชิกันแบบ ยืนรอเป็นชั่วโมง วันนี้เราออกเช้าเท่าที่จะเช้าได้เพราะว่า รถไฟใต้ดินเปิดตี 5 เราออกมาประมาณ ตี 5.15 ก็ถือว่าทำเวลาได้ดีพอสมควร
มาพูดถึงการขึ้นรถไฟกันซักหน่อย แต่ละวันเราจะดูแผนคร่าวๆของเรา ว่าวันนี้จะไปที่ไหนบ้างเพื่อที่จะดูว่า แต่ละวันจะซื้อตั๋วรถไฟแบบไหน จากการศึกษาอย่างหนักหน่วงของเรานั้น พบว่าจริงๆแล้วเราสามารถนั่งรถไฟแค่ 2 สายหลักๆ Metro + Toei Line ก็สามารถที่จะตะลุยได้ทั่วโตเกียวแล้ว แต่จะมีรถไฟอีกสายคือ Yamanote line นั้นจะวิ่งเป็นวงกลมในใจกลางเมือง สำหรับคนที่มีตังค์และขี้เกียจต่อรถไฟเวลาไปพวกย่านดังๆ ก็สามารถซื้อตั๋วรถไฟสายนี้ได้ แต่พวกเราเน้นถึก ต่อรถบ้างอะไรบ้าง เน้น ถึกและ ถูกเป็นหลัก จึงจะใช้รถไฟแค่ 2 สายตามที่กล่าวมา หากเราดูแผนแล้ว เราพบว่า เราต้องไปหลายที่ เราก็จะซื้อตั๋วแบบ One day pass คือซื้อครั้งเดียวก็ใช้ไปทั้งวัน กี่รอบก็ได้เอาให้คุ้ม โดยถ้าซื้อ Metro + Toei Line รวมกันนั้นราคาจะ = 1000¥ วันนี้เราดูตารางคร่าวๆ แล้วก็พบว่า คุ้มถ้าจะซื้อตั๋ว 1000¥ ก็เลยจัดไป
ตื่นแต่เช้า เดินจากที่พักด้วยความง่วงและปวดเข่าเล็กน้อย ดีขึ้นกว่าเมื่อวานเนื่องจากแช่น้ำอุ่นรัวๆ (ช่วยได้เยอะมากนะ น้ำอุ่่นนี่ + ยานวดที่พี่ชื่นพี่ที่ทำงานซื้อให้ก่อนมา) วันนี้เลยพอจะเดินได้บ้างแล้ว
การเดินทาง :ใช้เส้นทาง Toei Subway Oedo Line ไปขึ้นรถไฟที่สถานี Kuramae (E-11) ลงสถานี TSUKIJISHIJO (E-18) ราคา ¥210 ออกมาปุ๊ปข้ามถนนไปเลี้ยงซ้ายก็เข้าตลาดเลย
เดินวนกันซักพัก ดูแผนที่ที่โหลดมาจากในเน็ต เป้าหมายของเราคือร้าน ซูชิได ร้านซูชิชื่อดังในย่านตลาดปลา ว่ากันว่า มาสายก็รอกันไปเป็นชั่วโมงนะจ๊ะ จริงๆอยากจะดูการประมูลปลาแซลมอลด้วย แต่พวกนี้เปิดตี 3 นะครัช แถมยังจำกัดจำนวนนักท่องเที่ยวที่จะเข้าไปดูด้วย จำได้ว่าหลักร้อยคน ซึ่งเรามาไม่ทันแน่ๆ นอกจากจะหาที่พักแถวๆนี้ มาถึงตลาดปลาประมาณ ตี 5 ครึ่ง ยังมืดอยู่ แต่คนเต็มตลาดแล้ว ขับรถกระป๋อง ที่ไม่เคยเห็นที่ไหนมาก่อน ดูๆไปก็เท่ดี ขับแบบนี้กันทุกคน เวลาไปก็เดินระวังๆหน่อยนะครับ เค้าขับกันไม่ค่อยดูคนเท่าไร เดี๋ยวจะโดนชนเอา เดินวนกันไปซัก 15 นาทีเริ่มเห็นท่าไม่ดี เพราะหาร้านไม่เจอซักที เริ่มคิดว่า ถามคนแถวนี้เถอะ เลยเข้าไปถาม
ME : "Where Sushidai ?"
คนญ๊่ปุ่น : เอโตะ ... ทำหน้างงๆ แล้วอยู่ๆเหมือนตรัสรู้ โอ้ๆๆๆๆ พาเดินมาที่ถนน ชี้ๆ
แค่นี้แหละ ชี้กันใหญ่ แต่ชี้ทีนี่ไม่ได้หาง่ายๆนะครับ เพราะมันจะเป็นเหมือน ตลาดในร่มใหญ่ๆ ซึ่งกว่าจะเจอร้าน ก็ถามไป 2 รอบได้ เดินวนแทบหมดตลาดแล้ว แล้วในที่สุดเราก็เจอร้าน ซูชิได ของเราแล้ว แต่ว่า !!!!!! มันปิดครัชชช ร้านปิด เดินทางข้ามน้ำข้ามทะเลมาอย่างไกล มันปิดดดด โอ้วววไม่นะ ...... แต่ก็เห็นคนต่อแถวร้านข้างๆ เลยไม่รอช้าเข้าไปต่อแถว ด้วยความรวดเร็ว เจอกลุ่มคนไทย เลยถามเค้าว่าร้านนี้ร้านอะไร เค้าก็บอกว่า ซูชิไดวะ แหม่ ...... เพิ่มวะ มาตัวเดียวเอง เค้าก็บอกว่า ร้านนี้ก็ดังเป็นอันดับสองจาก ซูชิได อ่าแหละ สงสัยชื่อร้านจะมาจาก ซูชิไดปิด กินนี่ก็ได้ วะ ฮ่าๆๆๆ
คือตอนอยู่เมืองไทยนี่แทบไม่กินปลาดิบเลย มานี่แม้จะมื้อละ 3000¥ เลยต้องเอาซะหน่อย ไหนๆมาถึงที่แบบนี้ มันต้องอร่อยกว่าที่ไทยแน่ๆ คราวนี้แหละ ข้าจะได้กินปลาดิบได้เหมือนคนอื่นซะที รอๆๆ นี่มาเช้าแล้วนะ แต่แถวก็ยาวเฟื้อยแล้ว ระหว่างรอไปซัก 15 นาที ก็คิดถูกแล้วที่มาเช้า คือสายกว่านี้ 15 นาทีแถวแม่งยาวจัดแล้ว พวกคิวที่ใกล้ถึง ก็ยืนเกาะกระจกมองเชฟ มองคนข้างใน พร้อมบ่นในใจ เชี่ย.... เมื่อไรเมิงจะกินกันเสร็จวะ เอ้าๆ .. นั่งพักอยู่นั่น กินไม่หมดจะสั่งไมวะ เอาๆ แดกชา ยังช้าอีก คือด่าแม่งทุกอิริยาบท แต่ด่าไปก็เท่านั้น ยังไงคิวก็คือคิวนะจ๊ะ เชฟแอบเห็นไอพวกนี้ ยืนเกาะกระจกน้ำลายไหล เลยหันมายิ้มให้ 1 ที แล้วยกนิ้วให้อีก 1 ที เป็นการบอกว่า เมิงเจ๋งมากรอต่อไปนะ อีกเด๋วก็ได้กินแล้ว....
มาพูดถึงการขึ้นรถไฟกันซักหน่อย แต่ละวันเราจะดูแผนคร่าวๆของเรา ว่าวันนี้จะไปที่ไหนบ้างเพื่อที่จะดูว่า แต่ละวันจะซื้อตั๋วรถไฟแบบไหน จากการศึกษาอย่างหนักหน่วงของเรานั้น พบว่าจริงๆแล้วเราสามารถนั่งรถไฟแค่ 2 สายหลักๆ Metro + Toei Line ก็สามารถที่จะตะลุยได้ทั่วโตเกียวแล้ว แต่จะมีรถไฟอีกสายคือ Yamanote line นั้นจะวิ่งเป็นวงกลมในใจกลางเมือง สำหรับคนที่มีตังค์และขี้เกียจต่อรถไฟเวลาไปพวกย่านดังๆ ก็สามารถซื้อตั๋วรถไฟสายนี้ได้ แต่พวกเราเน้นถึก ต่อรถบ้างอะไรบ้าง เน้น ถึกและ ถูกเป็นหลัก จึงจะใช้รถไฟแค่ 2 สายตามที่กล่าวมา หากเราดูแผนแล้ว เราพบว่า เราต้องไปหลายที่ เราก็จะซื้อตั๋วแบบ One day pass คือซื้อครั้งเดียวก็ใช้ไปทั้งวัน กี่รอบก็ได้เอาให้คุ้ม โดยถ้าซื้อ Metro + Toei Line รวมกันนั้นราคาจะ = 1000¥ วันนี้เราดูตารางคร่าวๆ แล้วก็พบว่า คุ้มถ้าจะซื้อตั๋ว 1000¥ ก็เลยจัดไป
![]() |
ตารางแผนอันแสนละเอียดของเราในวันนี้ |
การเดินทาง :ใช้เส้นทาง Toei Subway Oedo Line ไปขึ้นรถไฟที่สถานี Kuramae (E-11) ลงสถานี TSUKIJISHIJO (E-18) ราคา ¥210 ออกมาปุ๊ปข้ามถนนไปเลี้ยงซ้ายก็เข้าตลาดเลย
![]() |
ภายในตลาดปลา |
เดินวนกันซักพัก ดูแผนที่ที่โหลดมาจากในเน็ต เป้าหมายของเราคือร้าน ซูชิได ร้านซูชิชื่อดังในย่านตลาดปลา ว่ากันว่า มาสายก็รอกันไปเป็นชั่วโมงนะจ๊ะ จริงๆอยากจะดูการประมูลปลาแซลมอลด้วย แต่พวกนี้เปิดตี 3 นะครัช แถมยังจำกัดจำนวนนักท่องเที่ยวที่จะเข้าไปดูด้วย จำได้ว่าหลักร้อยคน ซึ่งเรามาไม่ทันแน่ๆ นอกจากจะหาที่พักแถวๆนี้ มาถึงตลาดปลาประมาณ ตี 5 ครึ่ง ยังมืดอยู่ แต่คนเต็มตลาดแล้ว ขับรถกระป๋อง ที่ไม่เคยเห็นที่ไหนมาก่อน ดูๆไปก็เท่ดี ขับแบบนี้กันทุกคน เวลาไปก็เดินระวังๆหน่อยนะครับ เค้าขับกันไม่ค่อยดูคนเท่าไร เดี๋ยวจะโดนชนเอา เดินวนกันไปซัก 15 นาทีเริ่มเห็นท่าไม่ดี เพราะหาร้านไม่เจอซักที เริ่มคิดว่า ถามคนแถวนี้เถอะ เลยเข้าไปถาม
ME : "Where Sushidai ?"
คนญ๊่ปุ่น : เอโตะ ... ทำหน้างงๆ แล้วอยู่ๆเหมือนตรัสรู้ โอ้ๆๆๆๆ พาเดินมาที่ถนน ชี้ๆ
แค่นี้แหละ ชี้กันใหญ่ แต่ชี้ทีนี่ไม่ได้หาง่ายๆนะครับ เพราะมันจะเป็นเหมือน ตลาดในร่มใหญ่ๆ ซึ่งกว่าจะเจอร้าน ก็ถามไป 2 รอบได้ เดินวนแทบหมดตลาดแล้ว แล้วในที่สุดเราก็เจอร้าน ซูชิได ของเราแล้ว แต่ว่า !!!!!! มันปิดครัชชช ร้านปิด เดินทางข้ามน้ำข้ามทะเลมาอย่างไกล มันปิดดดด โอ้วววไม่นะ ...... แต่ก็เห็นคนต่อแถวร้านข้างๆ เลยไม่รอช้าเข้าไปต่อแถว ด้วยความรวดเร็ว เจอกลุ่มคนไทย เลยถามเค้าว่าร้านนี้ร้านอะไร เค้าก็บอกว่า ซูชิไดวะ แหม่ ...... เพิ่มวะ มาตัวเดียวเอง เค้าก็บอกว่า ร้านนี้ก็ดังเป็นอันดับสองจาก ซูชิได อ่าแหละ สงสัยชื่อร้านจะมาจาก ซูชิไดปิด กินนี่ก็ได้ วะ ฮ่าๆๆๆ
![]() |
รถกระป๋อง (ตั้งชื่อเอง) |
![]() |
ซูชิไดที่ตั้งใจมากิน ปิดจ้ะ ! |
![]() |
มาซูชิไดวะแทน คนเยอะนะครัช |
![]() |
มาสายก็จะเจอแถวที่ยาวกว่าเดิม |
คือตอนอยู่เมืองไทยนี่แทบไม่กินปลาดิบเลย มานี่แม้จะมื้อละ 3000¥ เลยต้องเอาซะหน่อย ไหนๆมาถึงที่แบบนี้ มันต้องอร่อยกว่าที่ไทยแน่ๆ คราวนี้แหละ ข้าจะได้กินปลาดิบได้เหมือนคนอื่นซะที รอๆๆ นี่มาเช้าแล้วนะ แต่แถวก็ยาวเฟื้อยแล้ว ระหว่างรอไปซัก 15 นาที ก็คิดถูกแล้วที่มาเช้า คือสายกว่านี้ 15 นาทีแถวแม่งยาวจัดแล้ว พวกคิวที่ใกล้ถึง ก็ยืนเกาะกระจกมองเชฟ มองคนข้างใน พร้อมบ่นในใจ เชี่ย.... เมื่อไรเมิงจะกินกันเสร็จวะ เอ้าๆ .. นั่งพักอยู่นั่น กินไม่หมดจะสั่งไมวะ เอาๆ แดกชา ยังช้าอีก คือด่าแม่งทุกอิริยาบท แต่ด่าไปก็เท่านั้น ยังไงคิวก็คือคิวนะจ๊ะ เชฟแอบเห็นไอพวกนี้ ยืนเกาะกระจกน้ำลายไหล เลยหันมายิ้มให้ 1 ที แล้วยกนิ้วให้อีก 1 ที เป็นการบอกว่า เมิงเจ๋งมากรอต่อไปนะ อีกเด๋วก็ได้กินแล้ว....
![]() |
เกาะกระจกรอ |
![]() |
เชฟดูผ่านการทำซูชิมาซัก 40 ปีได้ |
จ้ะๆๆ เห็นว่าเชฟดูมีฝีมือนะ อดทนรอกันต่อไป และแล้วก็ถึงตาของเรา ในที่สุดดดดด..... เข้าไปสั่งตามน้อง โอมาคาเซะไปเลยจ้าาาา ... มารู้ตอนหลังว่ามันคือ ให้เชฟทำอะไรมาก็ได้เป็นชุดที่เค้าจัดไว้ ซึ่งเราไม่รู้ว่ามีอะไรบ้าง เค.. จะได้กินครบๆไง คิดในแง่ดี มาคำแรก หอยเม่น อื้มมมมมม กินไม่เป็น กว่าจะกลืนได้ T^T น้ำตาจะไหล ต่อมาเป็นปลาดิบชิ้นอย่างใหญ่ ปลาอะไรก็ไม่รู้ ลองกิน อื่มมมมมมมมมมม
น้ำตาจะไหล ไม่ใช่ว่ามันอร่อยเทพนะ แต่ปลาดิบก็คือปลาดิบ ยังคงกินไมไ่ด้เหมือนเดิม (คิดในใจ กุพลาดล้าววววววววววว 3000¥ ของข้าาาาาาาาาา) เชฟเหมือนจะรู้ หันมาสนใจมองใหญ่เลย เหมือนเป็นคำถามว่า อร่อยมั้ยจ๊ะ เป็นไงล่ะ อร่อยจนน้ำตาไหลเลยสิ หันหน้าเจอเชฟ พยายามกลืนให้ลงเดี๋ยวจะเสียน้ำใจ กินผักดองตามลงไปรัวๆ ยิ้มให้ 1 ที พร้อมกับพูด โออิชิอิ !!!!! เย่ อร่อยจุงแต่ในใจ แม่ง ยังมีมาอีกเป็นชุดเลย ทำไงดีแวะ กินไม่หมด พยายามยัด ปลาหมึกเข้าไปอีก เออ อันนี้พอกินได้หน่อย ปลาไหลซึ่งต้มมาแล้วก็อร่อย ซุปมิโซะ อร่อยมากกก ตอนหลังมาอีก 2 ชิ้น พยายามกินจนหมด และมันก็ยังมาอีก 2 ไม่ไหวแล้วโว้ย รอจังหวะเชฟเผลอ บอก อ๊อฟ เห้ย เอาไปหน่อย คือน้องอ๊อฟนี่มันชอบกินปลาดิบมาก มันบอกว่า อร่อยมวากกกกกกก เอออ ดี อร่อยก็ช่วยเอาไปกินหน่อย ยัดไม่ลงแล้ว เชฟเผลอปุ๊ป คีบตะเกียบด้วยความไวสูง ส่งไปที่จานอ๊อฟ เย่ !!!! รอดแล้วโว้ยยย กินเสร็จจ่ายตัง สรุปว่าจนแล้วจนรอด ก็ยังกินปลาดิบไม่ได้นะครัชชชชชชชช บั๊ยบัยปลาดิบ ชาตินี้เรากะนายคงไม่ได้เจอกันอีก
ออกมาก็พระอาทิตย์ขึ้นแล้ว ออกไปเดินย่อย เดินไปเดินมาก็ไปเจอกับสิ่งที่ไม่คาดคิดว่าจะเจอที่นี่ สิ่งที่ทุกคนบอกว่า อร่อยโคตรร สตรอเบอร์รี่ นอกจากทีไ่ด้ยินมาว่าอร่อยโคตร แต่คือมาเจอของจริง แม่งใหญ่โคตรรรรรรรรร เห็นราคาพอซื้อไหว ไหนๆแล้ว จัดเลยละกันซื้อกลับไปกินที่ที่พัก เดินเล่นอีกหน่อย ก็คิดว่าไปที่ต่อไปดีกว่า ต่อไปเลยคือเราจะไป Tokyo sky tree กัน
ต่อมาที่ Tokyo Skytree
การเดินทาง: ขึ้นรถไฟจาก TSUKIJISHIJO (E-18) ไปเปลี่ยนรถไฟที่สถานี Kiyosumi-Shirakawa (E14) เพื่อเปลี่ยนไปใช้ Hanzoman Line (Z11) แล้วก็นั่งต่อไป Oshiage (Z14) Sky tree Station ขึ้นจากสถานีไปโผล่ที่ Sky tree ได้เลย ราคา ¥290
ต่อจากนี้เข้าสู่โหมด เล่าเรื่องด้วยภาพ
¥ ขึ้นไปที่ความสูงประมาณ 350 เมตร ถ้าใครอยากจัดเต็ม ซื้อตั๋ว Tembo galleria ก็จะได้ขึ้นไปที่ความสูง 450 เมตร แล้วแต่ใจชอบเลยครับ ส่วนตัวคิดว่า วิวที่ 350 เมตรก็สุดยอดแล้ว แต่เราก็ซื้อแบบจัดเต็ม ขึ้นไปที่ 450 เมตร รวมราคา 3000¥ ไหนๆมาแล้วชีวิตนี้จะได้ขึ้นซักกี่ครั้ง จัดเต็มจ้าาาา
ฟินกันไปกับทั้ง Tokyo Sky tree และ สตรอเบอร์รี่ที่โคตรอร่อย ดูแผน ว่าจะไปไหนต่อ ตามแผนก็ไปวัด Asakusa หรือ วัด Sensoji ที่เราเดินผ่านมาในวันแรกแต่ไม่ได้แวะเข้าไปเนื่องจากทุกอย่างยังไม่เปิดด้วยความที่ใกล้จาก Sky tree มากนั่งรถไฟแค่สถานีเดียว แปปเดียวจึงมาถึง Asakusa
การเดินทาง: สถานี OSHIAGE (Tokyo sky tree) ไป ASAKUSA(TOBU/SUBWAY) 170 ¥
ที่นี่มีเรื่องต้องระวังอยู่ไม่กี่อย่าง คือบางที่ถ่ายรูปไม่ได้ แต่ตอนนี้มีภาษาไทยบอกเรียบร้อยแล้ว กับอีกอย่างถ้ามาตอนช่วงหิมะตก ระวังหิมะตกจากหลังคาวัด คือแม่งตกตกลงพื้นดังตุ้บบบ อย่างดัง คิดไม่ออกเลย ถ้าโดนคนจะเป็นไง คือพอมันเริ่มละลาย มันก็จะไหลตกลงมา ยังไงก็ระวังกันด้วยนะครัช ตอนนี้ขาเริ่มกลับมาปวดอีกครั้ง จึงตัดสินใจไปกินข้าว และกลับไปพัก
น้ำตาจะไหล ไม่ใช่ว่ามันอร่อยเทพนะ แต่ปลาดิบก็คือปลาดิบ ยังคงกินไมไ่ด้เหมือนเดิม (คิดในใจ กุพลาดล้าววววววววววว 3000¥ ของข้าาาาาาาาาา) เชฟเหมือนจะรู้ หันมาสนใจมองใหญ่เลย เหมือนเป็นคำถามว่า อร่อยมั้ยจ๊ะ เป็นไงล่ะ อร่อยจนน้ำตาไหลเลยสิ หันหน้าเจอเชฟ พยายามกลืนให้ลงเดี๋ยวจะเสียน้ำใจ กินผักดองตามลงไปรัวๆ ยิ้มให้ 1 ที พร้อมกับพูด โออิชิอิ !!!!! เย่ อร่อยจุงแต่ในใจ แม่ง ยังมีมาอีกเป็นชุดเลย ทำไงดีแวะ กินไม่หมด พยายามยัด ปลาหมึกเข้าไปอีก เออ อันนี้พอกินได้หน่อย ปลาไหลซึ่งต้มมาแล้วก็อร่อย ซุปมิโซะ อร่อยมากกก ตอนหลังมาอีก 2 ชิ้น พยายามกินจนหมด และมันก็ยังมาอีก 2 ไม่ไหวแล้วโว้ย รอจังหวะเชฟเผลอ บอก อ๊อฟ เห้ย เอาไปหน่อย คือน้องอ๊อฟนี่มันชอบกินปลาดิบมาก มันบอกว่า อร่อยมวากกกกกกก เอออ ดี อร่อยก็ช่วยเอาไปกินหน่อย ยัดไม่ลงแล้ว เชฟเผลอปุ๊ป คีบตะเกียบด้วยความไวสูง ส่งไปที่จานอ๊อฟ เย่ !!!! รอดแล้วโว้ยยย กินเสร็จจ่ายตัง สรุปว่าจนแล้วจนรอด ก็ยังกินปลาดิบไม่ได้นะครัชชชชชชชช บั๊ยบัยปลาดิบ ชาตินี้เรากะนายคงไม่ได้เจอกันอีก
![]() |
ได้กินล้าววววววว |
![]() |
เชฟใส่ใจทุกรายละเอียด มองตัลหลอดดดดดดดดด ว่าเรากินยัง(จริงๆคือ เค้ารอเรากินเสร็จจะได้ทำชิ้นต่อไป) |
ออกมาก็พระอาทิตย์ขึ้นแล้ว ออกไปเดินย่อย เดินไปเดินมาก็ไปเจอกับสิ่งที่ไม่คาดคิดว่าจะเจอที่นี่ สิ่งที่ทุกคนบอกว่า อร่อยโคตรร สตรอเบอร์รี่ นอกจากทีไ่ด้ยินมาว่าอร่อยโคตร แต่คือมาเจอของจริง แม่งใหญ่โคตรรรรรรรรร เห็นราคาพอซื้อไหว ไหนๆแล้ว จัดเลยละกันซื้อกลับไปกินที่ที่พัก เดินเล่นอีกหน่อย ก็คิดว่าไปที่ต่อไปดีกว่า ต่อไปเลยคือเราจะไป Tokyo sky tree กัน
![]() |
รถกระป๋องขับอย่างซิ่ง ระวังกันด้วยนะครัชเยอะมาก |
![]() |
เป็นตลาดสดที่สะอาดมาก |
![]() |
ลูกใหญ่โคตรๆ |
![]() |
ตลาดปลาไมไ่ด้ขายปลาอย่างเดียวนะครัช |
![]() |
หน้าสถานี ซึคิจิ ที่เข้ามาหลงกันตอนแรก |
ต่อมาที่ Tokyo Skytree
การเดินทาง: ขึ้นรถไฟจาก TSUKIJISHIJO (E-18) ไปเปลี่ยนรถไฟที่สถานี Kiyosumi-Shirakawa (E14) เพื่อเปลี่ยนไปใช้ Hanzoman Line (Z11) แล้วก็นั่งต่อไป Oshiage (Z14) Sky tree Station ขึ้นจากสถานีไปโผล่ที่ Sky tree ได้เลย ราคา ¥290
ต่อจากนี้เข้าสู่โหมด เล่าเรื่องด้วยภาพ
![]() | ||
สถานี Tokyo Sky tree สวยมากกกก หรูฝุดๆ
|
![]() |
เดินขึ้นไปเรื่อยๆก็จะเจอกับ Tokyo sky tree ที่รอมานานหลังจากอยู่ที่พักเดินจ้องอยู่ทุกวัน |
![]() |
ตั๋วแบ๊วสุดๆ |
![]() |
ลิฟท์ โคตรไฮเทค |
¥ ขึ้นไปที่ความสูงประมาณ 350 เมตร ถ้าใครอยากจัดเต็ม ซื้อตั๋ว Tembo galleria ก็จะได้ขึ้นไปที่ความสูง 450 เมตร แล้วแต่ใจชอบเลยครับ ส่วนตัวคิดว่า วิวที่ 350 เมตรก็สุดยอดแล้ว แต่เราก็ซื้อแบบจัดเต็ม ขึ้นไปที่ 450 เมตร รวมราคา 3000¥ ไหนๆมาแล้วชีวิตนี้จะได้ขึ้นซักกี่ครั้ง จัดเต็มจ้าาาา
![]() |
ทุกทิศจะมีจอให้ดูวิวแบบทั้งกลางคืน กลางวัน มีบอกรายละเอียดของสถานที่ที่เรามองออกไป เจ๋งมากครับ ไฮเทคสุดๆ |
![]() |
วิวจากชั้น 350 เมตร ภาพนี้ที่รอคอย โตเกียวทาวเวอร์อยู่ไกลๆ รอชั้นก่อนนะ โตเกียวทาวเวอร์ |
![]() |
ส่วนชั้น 450 เมตร ก็จะมีจอบอกรายละเอียดเหมือนกัน |
![]() |
จุดสูงสุด 451 เมตรเรียกว่า Sorakara Point |
![]() |
ลงมาก็ยังมี สถานที่ขายของที่ระลึกเจ๋งๆเยอะมาก เต็มไปหมด แถมราคาก็ไม่ได้แพงด้วย |
![]() |
ลงมาเหนื่อยๆ ก็กิน สตรอเบอร์รี่ให้ชื่นใจ โคตรอร่อยจริงๆ ยังไงไปอีก จะไปจัดให้เยอะๆเลยคราวหน้า |
ฟินกันไปกับทั้ง Tokyo Sky tree และ สตรอเบอร์รี่ที่โคตรอร่อย ดูแผน ว่าจะไปไหนต่อ ตามแผนก็ไปวัด Asakusa หรือ วัด Sensoji ที่เราเดินผ่านมาในวันแรกแต่ไม่ได้แวะเข้าไปเนื่องจากทุกอย่างยังไม่เปิดด้วยความที่ใกล้จาก Sky tree มากนั่งรถไฟแค่สถานีเดียว แปปเดียวจึงมาถึง Asakusa
การเดินทาง: สถานี OSHIAGE (Tokyo sky tree) ไป ASAKUSA(TOBU/SUBWAY) 170 ¥
![]() |
มุมมหาชนแจ้ |
![]() |
ประตูที่ทุกคนต้องถ่ายด้วย |
![]() |
กวักควันเข้าหาตัวเพื่อเป็นสิริมงคล |
![]() |
พอร้านค้าเปิดแล้วคนเยอะเชียว |
![]() |
ร้านขนมเพียบบบบ |
ที่นี่มีเรื่องต้องระวังอยู่ไม่กี่อย่าง คือบางที่ถ่ายรูปไม่ได้ แต่ตอนนี้มีภาษาไทยบอกเรียบร้อยแล้ว กับอีกอย่างถ้ามาตอนช่วงหิมะตก ระวังหิมะตกจากหลังคาวัด คือแม่งตกตกลงพื้นดังตุ้บบบ อย่างดัง คิดไม่ออกเลย ถ้าโดนคนจะเป็นไง คือพอมันเริ่มละลาย มันก็จะไหลตกลงมา ยังไงก็ระวังกันด้วยนะครัช ตอนนี้ขาเริ่มกลับมาปวดอีกครั้ง จึงตัดสินใจไปกินข้าว และกลับไปพัก
![]() |
ร้านข้าวหน้าปลาไหลชื่อดังเก่าแก่เป็นร้อยปี ถ้าไม่ลืมจะเอาแผนที่มาแปะ และแล้วโชคก็เข้าข้างอีกรอบ มาตอนที่คนยังไม่มากินกัน ไม่ต้องต่อแถวอีกตามเคย |
![]() |
แหม่ จัดเต็มสุดๆ ชามนี้ 2500 เยนนะครัช |
จากนั้นก็เดินลากเข่าปวดๆกลับที่พัก ถึงเตียงปุ๊ป ก็หลับแบบไม่รู้เรื่องระหว่างนั้น น้องอ๊อฟ ก็ไปซื้อตั๋วที่จะไปทะเลสาบ Kawakuchiko เพื่อไปดู ภูเขาไฟฟูจิกัน ตั๋วก็ไปซื้อที่สถานีชินจูกุ วิธีซื้อมีบอกตามมพันทิป จะเขียนในนี้ก็กลัวยาวเกิน ยังไงลองเสิจดูนะครัช ตื่นมาอีกทีมืดแล้ว ดูแผนจึงข้ามไปที่ Ginza เลย
การเดินทาง: Asakusa station – Ginza Line (G19) เดินทางไป Ginza (G09) ราคา ¥190 ไปกลับ ¥380
![]() |
ออกจากสถานีมาก็เจอ บรรยากาศแบบ Night life ตึกสูงเปิดไฟเต็มไปหมด Taxi ที่นี่ส่วนใหญ่จะเป็น Toyota crown นะครัช คลาสสิค แถมไม่เก่าเลย ไฮเทค ประตูเปิดเองได้ โหดฝุดๆ |
![]() |
มาโตเกียวแบบมาราทอนทั้งทีเราไม่ไปนะครับแบบที่ชาวบ้านเค้าไปกัน เดินไปหาของกินก็ไปเลย เข้าซอยแบบตามใจฉันมั่วไปหมด |
![]() |
ร้านข้างทางก็น่ากินทั้งนั้น |
![]() |
ร้านพวกนี้ เหมือนที่เคยดูในหนังหรือไม่ก็การ์ตูน ฟินมาก อยากเห็นมานาน |
![]() |
ใครจะได้เที่ยวโตเกียวแบบ Exclusive ขนาดเน้ ไม่มีทัวร์ไหนพามาเดินในซอยแบบนี้แน่ๆ |
![]() |
ย่าน Ginza จะเป็นย่านช็อปปิ้งที่มีห้างเยอะมากๆๆๆ |
![]() |
Ginza จะอยู่ใกล้กับ Yurakucho ซึ่งเดินแปปเดียวก็ถึงกันหมด |
![]() |
Muji กำลังจัดกิจกรรม วันวาเลนไทน์ |
![]() |
ห้างเพียบ |
![]() |
แสงสียามค่ำคืนสวยมาก |
หลังจากเดินตะลอนรอบ Ginza พร้อมกับความฟินในความสวยงามของ Night life แล้วกลับที่พักก็ยังพบกับความประทับใจในบริการขั้นสุดยอดของคนญี่ปุ่น คือ Staff เห็นเราถือของเข้ามาก็หยิบ สลิปเปอร์ มาวางให้ เราก็แบบ ขอบคุณเค้า คิดว่าจะจบแค่นั้นไม่พอ วางไว้ให้ เห็นเราของเยอะ จับรองเท้ารอเราใส่เสร็จ ถึงปล่อยมือ โอ้ววววว แม่เจ้าา จำเป็นต้องทำขนาดนี้มั้ย คือจริงๆ ไม่เลย แต่เค้าทำ แล้วมันก็ทำให้ประทับใจสุดๆ ใครว่า Hostel เป็นที่พักราคาถูกแล้วจะแบบไม่ดี จริงๆคือ ไปคราวหน้ายังไงก็จะไปพักที่เดิมนี่แหละ ประหยัดตังค์แถมเจอ Staff ใจดีน่ารักแบบนี้ ยังไงก็ไปอีกจ้าาาาา
คืนนี้นอนหลับฝันดีนะ Khoasan Samurai โอยาสุมินาซายยยยยยยยย.......
ความรู้สึกของวันนี้
- ไปตลาดปลา เจอนวัตกรรมอีกละ คือพวกที่ลากของ เค้าต้องขึ้นบันไดไง แล้วที่ลาก มันก็มีเหล็กเป็นแท่งยาวๆ เอาไว้ข้างใต้ล้ออีกที เพื่อให้ลากขึ้นบันไดได้ โคตรนวัตกรรมเลย
- แผนที่ในตลาดปลา ดูไปดีๆ ไม่งั้นหลงนะจ๊ะ
- ซูชิ มันจะเจ๋งซักขนาดไหนวะ ?
- อืมม จะซูชิ ไทย หรือ ญี่ปุ่น ถ้าเป็นปลาดิบกุก็กินไม่ได้สินะ
- รถกระป๋อง นี่อารมณ์คงตุ๊กๆบ้านเรา ประเทศอื่นไม่มี
- Tokyo sky tree !!!!!!!!!!!!! ได้มาแล้วโว้ยยยยยยย
- พนักงาน ต้อนรับจะอ่อนน้อมไปไหน
- โอ้โห วิว โคตรแจ่ม
- ขาเริ่มปวดอีกละ เซ็ง
- วัด Sensoji มีป้ายประกาศเป็นภาษาไทยละ คนไทยคงมาเยอะสินะแหม่
- วัดสวยมากกกกกกกกก แต่ไม่มีแรงเดินถ่ายรูป
- ข้าวหน้าปลาไหลอร่อยดี แต่โคตรแพง
- Ginza เป็นย่านที่คิดว่าไม่มีอะไร แต่แม่งโคตรตื่นตาตื่นใจเลย
- Taxi โคตรไฮเทค
- ตะลุยเส้นทางที่ไม่มีในรีวิวไหนไปมาก่อนก็มันส์ดีนะ
- อดเจอสาวเสริฟแสนน่ารักเลย T^T
- เห็นชินกันเซนแล้ว แต่ถ่ายไม่ทันเร็วเกิน T^T
- ราเมงที่นี่สู้ Asakusa ไม่ได้นะ
- Muji โคตรใหญ่และโคตรสวย
- Loft ด้วยของโคตรเยอะ
- Uniqlo เกลือนมาก เต็มไปหมด มีทุกที่
- พนักงาน Uniqlo บริการแบบจ้าง 100 ให้บริการ 1000
- วิวกลางคืนในโตเกียวนี่สวยหมดทุกที่เลย
- ไว้เจอกันใหม่นะ Ginza ตอนที่เรามีเวลามากกว่านี้
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น