วันจันทร์ที่ 24 มีนาคม พ.ศ. 2557

#5 Living in city life

สวัสดี วันที่ 11 ก.พ. 2557 .....

        วันนี้ตื่นเต้นเป็นที่สุด สำหรับคนที่ชอบถ่ายรูป ภูเขาไฟฟูจิเป็นอะไรที่ชีวิตนี้ต้องไปถ่ายรูปให้ได้ วันนี้ถึงเวลาของเราแล้ว กายพร้อมมมม (หายปวดขาแล้ว) ใจพร้อมม อุปกรณ์พร้อม ขาตั้งพร้อม ตั๋วรถบัสพร้อม (เมื่อวานน้องไปซื้อมา) เราทำได้ เย่ ! 

        หลังจากก้าวแรกที่เดินออกมาจากที่พัก ก็ได้พบกับความตื่นเต้นอีกครั้งเพราะ เป็นครั้งแรกที่ได้เห็นหิมะตกแบบ ตกลงมาจากฟ้า สวยมาก แต่ตกเบาๆ แปปเดียวก็หยุด ไม่ทันได้ถ่ายรูป แต่ก็ได้รูปที่อยู่ในความทรงจำเรียบร้อยแล้ว ตื่นเต้นสุดๆ

        เดินทางสู่สถานี ชินจูกุ สถานีรถไฟฟ้าที่ใหญ่มากสถานีหนึ่งเพราะว่ารถไฟเกือบทุกสายในโตเกียวมีชุมทางที่ผ่านชินจูกุ เพราะงั้นที่นี่จะกว้างมาก เต็มไปด้วยสายรถไฟชนิดต่างๆเต็มไปหมด เพราะงั้นเวลาจะมาซื้อตั๋ว หรือ มาขึ้นรถบัส ต้องดูทางออกมาให้ดีๆ เผื่อเวลาไว้หน่อย เผื่อหลงนะครับ วันนี้เราเลยออกเช้าาาา เพราะกลัวหลง กำหนดขึ้นรถ 7.45 น. มาถึงชินจูกุก็ ประมาณ 7.00 น.

การเดินทาง : (จะมาอัพเดทอีกที)


        วันนี้ที่คิดแผนไว้คือไปทะเลสาบ คาวากูจิโกะ และตะลุยไปรอบๆ ถ่ายรูปภูเขาไฟฟูจิ นั่งรถบัสเที่ยว เพราะที่เราซื้อไว้ 4700¥  นั้นรวมค่ารถบัสที่วิ่งวนแถวๆ คาวากูจิโกะด้วย


แผนที่วางไว้วันนี้จึงเรียบง่ายม้ากมาก เพราะเรากะไปที่เดียวจบเลย

        แต่ในการเดินทางของคนเรานั้น อะไรก็เกิดขึ้นได้ โตเกียว ฟ้าใส อากาศเย็น พอเราไปถึงท่ารถบัส ยื่นตั๋วให้พนักงาน พนักงานอ่านตั๋วแปปนึง แล้วก็ยกมือขึ้นทำท่าเป็นรูป กากบาท .....

        เอ๊ะ... เราทำอะไรผิดหรอ เราทำอะไรให้เค้าขุ่นเคืองใจรึไง ทำไมถึงไม่ให้เราผ่านเข้ารอบล่ะ เฮ้ยไม่ใช่ !!! พนักงานทำท่าครุ่นคิดพร้อมกับพยายามอธิบายให้เราเข้าใจด้วยภาษาอังกฤษสำเนียงญี่ปุ่น ที่จะแทรกภาษาญี่ปุ่นมาด้วยตลอดเวลา ผ่านไป 2 นาทีเราจึงเข้าใจได้ว่า ตอนนี้หิมะตกหนัก High way ปิดเดินทางไม่ได้จ้าาาาา ... เอาล้าวววววชีวิตตตต ตกวันไหนไม่ตก ตกวันนี้จ้าาาาาาา พนักงานบอกว่าอาจจะปิดอีกประมาณ 2-3 วัน ถ้าเราจะมาใหม่ก็ให้ไปเปลี่ยนตั๋ว หรือไม่งั้นเค้าก็จะคืนเงินให้

        อย่าคิดว่าเราจะยอมแพ้นะ มาไกลขนาดนี้แล้วยังไงก็ต้องไปให้ได้ เลยถามว่ามีวิธีไหนที่จะไปได้อีกบ้าง เค้าบอกว่า เหลือวิธีเดียวคือนั่งรถไฟ ชินกังเซน แม่จ้าวววว แล้วราคาล่ะะ ตายๆ ไม่ไหวแน่ๆ ในที่สุดเราก็ยอมแพ้ เพราะเราไม่มีตังค์ ฮ่าๆๆๆ แต่คิดในแง่ดีว่า ฟูจิซัง บอกว่า แกต้องมาหาชั้นใหม่นะ ก็ด้ายยยยย เดี๋ยวเจอกันใหม่นะ 

        ไหนๆก็ไหนๆแล้ว วันนี้ว่าจะไปชมธรรมชาติ แต่ธรรมชาติกลับทำร้ายเรา เลยกางแผนออกมาดู เมื่อวานยังไม่ได้ไปชิบูย่าเลยนี่นา งั้นวันนี้ก็จัดไป เราจะมาใช้ชีวิตแบบ City life ให้เต็มที่ไปเลย ตะลุยย่าน ชิบูย่า ฮาราจูกุ ชินจูกุ ไปให้หมด ตะลุยชีวิตในเมืองให้มันส์ไปเลย
     
       เริ่มด้วยชินจูกุที่ตอนเช้าไม่มีอะไรเลยซักอย่างร้านแทบเปิดซักร้าน เลยไปกินข้าวกันที่ Yoshinoya ร้านข้าวหน้าเนื้อที่มีเปิดที่เมืองไทย เนื่องจากชอบที่ไทยเป็นการส่วนตัวเลยอยากจะลองของต้นตำรับว่าเป็นอย่างไร

ออกจากสถานีมาก็จะเจอตึกนี้

Yoshinoya ที่นี่อร่อยโคตรๆ แถมถูก เปิดตลอดเวลา เหมาะสำหรับคนงบน้อยอย่างเรามาก

        กินเสร็จขาตั้งกล้องที่หมดหน้าที่แล้วจึงเริ่มเป็นภาระของเรา อย่างั้นงี้เลย เอาไปเก็บละกัน ยังไงตั๋วรถเราก็เป็นแบบ One day pass อยู่แล้วนั่งได้รัวๆ ไม่ต้องกลัวเปลืองตังค์ กลับไปเก็บของเสร็จปุ๊ป ก็คุยกันว่า วันนี้เราจะไปไหนดีมั่ง ก็มี Check point ที่คิดไว้ว่า ถ้ามาเราต้องมาเก็บพวก Check point นี้ให้ได้ เริ่มที่ โมจิหิมะ ที่ สถานี Yurakucho

การเดินทาง : (จะอัพเดทอีกครั้ง)

        โมจิหิมะร้านนี้ หาไม่ยาก มีอยู่ร้านเดียวและคนขายจะเป็นคนพิการคือ เป็นใบ้ ไม่แน่ใจว่ารายได้จะเอาไปช่วยคนพิการด้วยหรือเปล่า ส่วนรสชาตินั้นต้องบอกว่า โคตรฟิน !!!!! อร่อยมากกกกก โมจิหิมะนุ่มๆ เย็นๆ สอดไส้สตรอเบอร์รี่ อ่าาาา ฟินสุดแล้ววว แต่ราคาก็แอบแพงนิดนึงหากคิดว่า เรากินขนมทีเป็นร้อยบาทก็นะ เอาน่าไม่ได้มากันได้บ่อยๆ ไหนๆก็ไหนๆแล้ว จัดเต็มจ้า

โมจิหิมะที่ลูกใหญ่โคตรๆ
        วันนี้เราหายปวดเข่าแบบสมบูรณ์แล้ว แต่อ๊อฟ มันใส่รองเท้า โอนิซึกะมาตั้งแต่วันแรก เริ่มปวดเท้าแทน น่าจะเพราะรองเท้ามันไม่นิ่มเหมือนรองเท้ากีฬา จาก Yurakucho เราเลยเดินไปย่าน Ginza อีกครั้งเพื่อหาซื้อรองเท้า ซึ่งที่ญี่ปุ่นเราจะแทบไม่เห็นร้านขายของแบบทั่วๆไปเลย รองเท้าขั้นต่ำก็จะเป็นแบรนเนมหมด พวก Adidas Nike พวกนี้จะหาได้ตามร้านทั่วไป เดินหากันอยู่ 2-3 ห้างก็ไปเจอ ห้างนึง (ตอนนี้จำชื่อไม่ได้) แต่ก็มีรองเท้าลดราคาที่เราพอจะซื้อกันได้ เลยได้ New balance มา 1 คู่ ซึ่งก็สวยใช้ได้ ปัญหาเรื่องการเดินทางจึงหมดไปในตอนนี้

เดินหารองเท้ากัน ห้างแถว Ginza เพียบ !!!
        ใน Ginza นั้นวันแรกเราก็เดินไปตามตรอกซอกซอย แบบแทบจะไม่ดูแผนที่ เห็นร้านไหนน่ากินก็ตามเข้าไปหมด วันนี้เห็นป้ายร้านข้าวแกงกระหรี่ลดราคา ชี้เข้าไปในซอย เลยตกลงกันว่ากินข้าวราดแกง
กระหรี่ละกัน อีก 1 อาหารที่ต้องลองที่ ญี่ปุ่น ร้านนี้เป็นร้านแบบหยอดเหรียญ แล้วสั่ง หน้าตาก็จะประมาณนี้

วันนี้มีลดราคา โดนการตลาดครอบงำ ฮ่าๆ
ตู้หยอดเหรียญ เมนูอ่านออกมากๆๆๆๆๆ ต้องถ่ายรูปหน้าร้านไปให้เค้าดูว่าเราจะกินอันนี้นะ แต่สปิริตคนญี่ปุ่น ก็สุดยอดอีกตามเคย เชฟเดินออกมาจากครัว มาบอกเองเลยว่าต้องกดปุ่มไหน สุดยอดจริมๆจ้าา

อันนี้ของน้อง หมูโคตรนุ่ม

อันนี้ของเรา อร่อยมากกกกก
        กินเสร็จก็ดูว่าจะไปไหนกันต่อดี เป้าหมายต่อไปของเราคือ Tokyo Station อีก 1 สถานีใหญ่ที่มีที่ให้ไปแวะเต็มไปหมด เช่น Tokyo ramen street, Tokyo character street ซึ่งเป็นที่ที่ ขาช็อปน่าจะชอบเป็นอย่างยิ่ง


ความไฮเทค ที่จอดรถแบบอัตโนมัติ และเป็นแบบที่จอดรถได้เยอะในที่ที่จำกัด

รถรับส่งสินค้า

บางร้านก็จะมีคนมาต่อแถวยาวๆแบบนี้ แต่ราคาแพงเกินไปที่เราจะกิน 

แผงหนังสือ ในร้านสะดวกซื้อ ที่นี่เราได้ลองแปะ แผ่นร้อน ที่เค้าจะเอาไว้แปะที่หลังเวลาอากาศหนาวๆ ซึ่งร้อนสมชื่อ คือ แปะได้ไม่นาน ก็ร้อนจะแย่ ยิ่งเข้าไปในห้างที่เปิด Heater ยิ่งร้อนเข้าไปใหญ่ ใส่ไปแปปนึงเลยแกะออก ร้อนเกิน !
        อีกหนึ่งเรื่องที่เจอที่ญี่ปุ่นคือ การที่อยู่ข้างนอกแล้วโคตรหนาวจนมือชา ทำให้เราต้องใส่เสื้อผ้าหลายๆชั้น เพื่อให้ทนต่อความหนาวได้ แต่ปัญหาคือ เวลาเข้าไปในห้างนี่แม่งโคตรจะร้อน แต่คนญี่ปุ่น ใส่เสื้อหนาๆ เดินกันชิลมากจ้าาาาาาา เรานี่เข้าห้างทีต้องถอดเสื้อออก 1 ตัว ผ้าพันคอก็ต้องเอาออก ร้อนจนถึงขั้นคันกันเลยทีเดียว เวลาเข้าห้างแล้วออกมาข้างนอก จะเป็นอะไรที่ฟินมาก เหมือนได้กลับออกมาจากเตาอบ ที่นี่จะเป็นแบบ ในห้างร้อน ข้างนอกเย็น ต่างกับที่ไทยที่เวลาร้อนต้องหาห้างเข้าไปหลบร้อน ที่ญี่ปุ่น ร้อนเมื่อไร ก็เดินออกมาข้างนอก เย็นแน่ เย็นจนเริ่มจะช้า ดา ดาดี๊ด่าดาาาา มั่วตลอดดด

ความน่ารักพบได้ทั่วไปในญี่ปุ่น ไม่เว้นแม้กระทั่ง ถนนที่ปิดซ่อมก็ยังมีที่กั้นที่โคตร คาวาอี้สุดๆ

สถานี Tokyo Station ใหญ่มากๆ


Tokyo character street มีร้านขายพวกตัวการ์ตูนต่างๆเต็มไปหมด ฟินมากสำหรับพวกชอบการ์ตูนญี่ปุ่นแบบเรา

ร้านสำหรับสาวๆเยอะ มาก เพราะร้านน่ารักๆ เต็มไปหมด

ร้านขายของที่ระลึก ในราคาไม่ได้แพงอย่างที่คิด

คิตตี้เวอร์ชั่น ญี่ปุ๊น ญี่ปุ่น

ตัวนี้ดังมาก ช็อปใหญ่เลยที่นี่ คุมะ คุมะ เต็มไปหมด !!!
เสร็จจากที่ Tokyo Station เราก็ไปต่อกันที่ Harajuku โดยขึ้นรถไฟไปที่ สถานี Omote-Sando ซึ่งเป็นย่านชื่อดังอีกย่านหนึ่งแถว Harajuku ย่านวัยรุ่นทั้งหลาย

ขนมยังหยอดเหรียญ

ถึงแล้ว สถานีโอโมเตะ ซานโดะ

ขึ้นจากสถานีมาก็เจอ ร้านเครื่องดนตรี ที่มีเปียโนของ Yoshiki !!!! กี๊สสสสส ยืนเกาะกระจกอยู่หน้าร้าน ราว 20 วิ ของจริงช่างสวยงามยิ่งนัก

ในวันที่มา เป็นวันชาติญี่ปุ่นพอดี ไม่แน่ใจว่าปกติเค้าขึ้นธงแบบนี้หรือเปล่า

ที่ที่คนส่วนใหญ่จะมากันที่นี่คือ Kiddy land ซึ่งขายตุ๊กตา ของเล่น สมชื่อร้านนั่นแหละ

เอกลักษณ์ ของแต่ละสถานที่จะเด่นมาก เช่นตึก Kiddy land ทุกอย่างก็จะเป็นการ์ตูนไปหมด

ใกล้ๆ กับ Kiddy land จะเป็น CAT street ย่านของแนวๆ ที่วัยรุ่นเค้าเดินกัน มีร้าน ทาโกยากิชื่อดัง คิวยาวมาก กินตอนร้อนๆ ท่ามกลางอากาศหนาวๆ ช่วยให้อบอุ่นได้เยอะ รสชาติก็ อร่อยแหละนะ สำหรับคนที่ไม่ได้ชอบ ทาโกยากิเป็นพิเศษ

เพิ่มคำอธิบายภาพ
ที่แถบๆ Harajuku นี้จะเต็มไปด้วยแฟชั่นหลากหลายแนว ตั้งแต่แบบ ชุดญี่ปุ่น ไปจนแบบ ยุโรป ก็มีให้เห็นได้ทั่วไป ทุกคนนี่เหมือนจะแต่งตัวออกจากบ้านโดยใช้เวลาซัก 1 ช.ม. ในการแต่งตัว ทุกคนออกมาเป๊ะมาก ลมแรงๆ ผมนี่ไม่มียุ่ง ชุดเข้ากัน ทั้งกางเกงเสื้อ หมวก เป็นประเทศที่พิถีพิถันในการแต่งตัวอย่างมาก

มาย่านแฟชั่นทั้งที ก็ต้องถ่ายสาวๆสิครัช แหม่ !!!

แนวหวานๆ

แฟชั่นหลากหลายแนวววว
ที่แอบๆสังเกต และคุยกันกะน้องว่า ช่วงนี้แฟชั่นของคนญี่ปุ่น สงสัยจะชอบกระเป๋าใบใหญ่ๆ และ ใส่ของเยอะๆ กระเป๋าแต่ละคน ตุงมาก เหมือนแบบว่า ถ้าแฟบจะดูจนอะไรแบบนี้เลย หาอะไรยัดไว้ก่อน ฮ่าๆ ซึ่งก็แปลกดี เพราะนักท่องเที่ยวแบบเรา อยากจะพกอะไรให้น้อยที่สุด เพราะเดินเหนื่อยมาก เหนื่อยสุดๆ

        ที่ CAT street นี้ก็ยังมีรางเมง ที่คนไทยรีวิวกันไว้ว่า มาแถวนี้ต้องมากินร้านนี้ให้ได้ นี่เป็นอีก 1 กิจกรรมที่เราต้องเช็คกันว่า พันทิปรีวิว อะไรแถวๆนี้ไว้มั่ง แล้วไปลองกินดู กลายเป็นว่า เราได้กินราเมงแทบทุกที่ที่ไปเลยทีเดียว เอาไว้สรุปตอนสุดท้ายว่า แต่ละที่ ราเมงเป็นอย่างไรบ้าง จะเทพเหมือนที่เค้ารีวิวกันไว้หรือเปล่า โปรดติดตามชมตอนต่อไป

        เดินทะลุ CAT street ไปเรื่อยๆ ก็จะทะลุไปถึง Shibuya ย่านที่มี 5 แยกชื่อดัง ที่เราเคยเห็นในหนังหลายๆเรื่อง จุดนี้แหละ ที่ไม่พลาดจะต้องมีรูปกลับไปให้ได้ มีพี่แนะนำว่า จุดที่จะชมวิว ได้ดีที่สุด คือ ร้าน Star buck ที่ตั้งอยู่ริมถนน มองลงมาเห็น 5 แยกพอดี ซึ่งมีทางขึ้นมาจากสถานีรถไฟด้วย

ภายในสถานี Shibuya สวยมาก

        สมดังที่พี่เค้าว่า Star buck ที่นี่จึงเต็มไปด้วยคนที่คิดเหมือนเรา คนที่จะมาเก็บรูป 5 แยก ชิบูย่าลงทุน ปกติอยู่ไทยไม่กินนะฮะ Star buck อ่ะ คือบั่บบบ.... มัน Too main stream อ้ะ (ถุยยย ! ได้ข่าวว่า เมิงไม่กินกาแฟไง ทำกระแดะ) คือก็ลงทุนซื้อ Star buck แหละนะ ด้วยความที่ไม่กินกาแฟ เลยสั่งโกโก้กับ คุกกี้กิน เพื่อไปหาที่นั่งถ่ายรูป กว่าจะรอคนที่นั่งริมหน้าต่างลุก ก็นานพอควรแต่เราเข้าใจ คนถ่ายรูปก็อยากได้รูปที่ดีที่สุดแหละนะ

พนักงาน ที่โคตร คาวาอี้ สุดๆ >.<

ได้แล้ว ว่าแล้วก็ถ่ายรูป อัพ Instagram กวนตีนเพื่อนๆ ด้วยการใส่ข้อความไปว่า
"Star buck Thailand is too mainstream" เพื่อบอกว่า จะแดกทั้งที ต้องแดกที่ญี่ปุ่นนะครัช แหม่ (แต่ความจริงคือ กุจะถ่ายรูป แต่จะนั่งร้านเค้าแบบไม่ซื้ออะไรก้เกรงใจเลยเอาซักหน่อย)

City scape กลาง 5 แยก ชิบูย่า นานๆทีจะได้ถ่ายแบบนี้
หลังจากได้มุมที่ต้องการแล้ว ก็ถึงเวลาไปลงสนามจริง มาถึงที่แล้ว มันต้องไปเดินข้ามกะเค้าเซ่ น้องมันเจ็บเท้า เลยขอนั่งต่อ ส่วนเราก็ลงไป เดินข้ามไปข้ามกลับประมาณ 10 รอบ ใครจำหน้าได้ เค้าคง งง ว่าไอนี่ทำไรของมันวะ เดินไปเดินกลับ เป็นสิบรอบละ ก็มันสวยนี่นา มันน่าตื่นตาตื่นใจ มันคือที่ที่ ฮาน ดริฟ หนี DK แล้วรถไปคว่ำตาย เอ้ออออ นี่เราได้มาเหยียบ สถานที่จริงเลยนะเว้ยยยยย ฟินสุดๆ

ลำบากยากเย็น กว่าจะได้แต่ละรูป เดินข้ามไปข้ามมา แถมมีป้าย L'Arc~en~ciel ที่กำลังจะจัด คอนเสิร์ตอีก หนึ่งในวงสุดโปรดของชั้นเลยนะพี่ชายยยยยยยย
ชั้นเดินหลงทางอยู่กลางผู้คนนนน ดูสับสนวุ่นวายยย หันไปหาเธอไม่เจอผู้ใด ~
(เป็นเพลง ฤดูร้อน ที่หนาวโคตรๆ)

แสงสีเสียง ทำให้ โตเกียวเป็นเมือง ที่กลางคืนมีชีวิตชีวามากๆ ภาพพวกนี้ นอกจากมีอยู่ในกล้องแล้ว แต่ถึงวันนี้ก็ยังจำติดตา
บางทีการได้ไปไหนคนเดียว เดินคนเดียว มีเวลามองอะไรนานๆ ก็ทำให้ภาพนั้น ติดอยู่ในความทรงจำได้เหมือนกัน
การท่องตะลุยชีวิตในเมืองก็ได้จบลงเท่านี้ ในวันนี้เราสนุกสนาน ราวกับเด็กๆ เพราะเจอของเล่นเต็มไปหมด เฮ้ย ใช่หรอ ยังมีต่อนะ แต่ว่า ขอขึ้นป้ายหน่อย อิอิ

********************ใครอายุต่ำกว่า 18+ ข้ามเลยนะครัชแหม๊ ********************
        ก่อนกลับ เห็นเวลายังเหลือ และเราก็จะผ่าน Shijuku อยู่แล้วเลยแวะไปสถานที่ที่ ผู้ ช ทุกคนถ้ามาญี่ปุ่นคงอยากลองเข้าไปดูซักครั้ง นั่นคือออ ร้าน 18+ นั่นเองนะจ๊ะ ทำใจกันอยู่นาน ด้วยความที่ประเทศเรามองเรื่องนี้เป็นเรื่องน่าอาย หรือ เป็นเรื่องน่าเกลียดอะไรก็ตามแต่ แต่ที่ญี่ปุ่น ที่นี่ทุกอย่างเปิดเผย คนเดินเข้าเป็นว่าเล่น ร้านตั้งตระหง่าน แทบจะตรงข้ามกับ เซเว่น อะไรๆ มันเลยทำให้เรากล้า เพราะไม่มีอะไรจะเสียอยู่แล้ว

        ว่าแล้วก็หลุม Hood ปิดปาก ปิดตา เดินเข้าไป (แม่งน่าสงสัยกว่าเดิม 20 เท่า) ทำเพื่ออออ !!!?? อ่านะ ก็คนมันชินนี่หว่า มานั่งคิดว่า จะมีใครจำเราได้ เดี๋ยวเราก็กลับแล้วว และแล้วเราก็เข้าไปสู่ดินแดนในฝัน โอ้ววววว ชิททท นี่มันอะไรกัน ข้างในนี้มันอะไร ช่างแสบตาเหลือเกิน ขาวโพลนไปหมด แหม๊..... นี่มันอัลไล แผ่นอัลไลหรอ ไม่เคยเห็นมาก่อนเลย (เมิงโหลดบิทไง เฮ้ยไม่ใช่ ใครเค้าทำกัน ไม่มี้)

        เดินชมร้านเพลินๆ เอ๊... นี่หน้าคุ้นเนาะ ทำไมเราช่างคุ้นหน้า คนในรูปแบบนี้ล่ะ เดินไปเรื่อยๆ ก็ยิ่งพบว่า ไอที่เคยเห็นในบิท มันช่างน้อยนิด (เฮ้ยไรไม่เคยโหลด บิทเบิท อัลไล ไม่รู้จัก) เดินไปก็อยากจะหยิบสมุดมาจดบันทึก (ไม่ใช่ความรู้สึกนะหรือจดบันทึกนะ จด รหัส บนปก เฮ้ยย ! รหัสไรวะ ไม่มี้) พูดตงๆเลยดีกว่าขี้เกียจแอ๊บ คือแบบ แม่งจะเยอะไปไหนวะ ตึกมี 5 ชั้น หน้าคุ้นๆ อยู่ชั้นแรกๆ ชั้น 3 นี่แบบ มาจากไหนกันอ่ะ เป็น พันๆๆ แผ่น แล้วแบบ ไม่เคยเห็นหน้ามาก่อนไง แล้วแบบ น่ารักโคตรๆไง อัลไลกันอ้ะ นี่เราพูดถึงอะไรอยู่หรออออ ........ เอาเป็นว่า มาเองแล้วลองหาร้านพวกนี้ดูนะ จะพบว่า แม่มโคตรตื่นตาตื่นใจเลย

เอ๊ะนี่อะไรหรอ โลชั่นทามือหรือเปล่านะ อากาศหนาวๆ คงต้องใช้โลชันกันเยอะสินะ อื้มม เข้าใจๆ

        หลังจากเดินชมจนหนำใจแล้ว ก็กลับไปห้องน้ำ เห้ย !! ไม่ใช่ กลับบ้านเราดิ เหนื่อยมากแล้ววันนี้ ใช้สายตาเยอะไปหน่อย (คือถ่ายรูปเยอะนะ) ว่าแล้วก็คลุม Hood อีกรอบ (จะคลุมทำไหมมมม) เดินออกมาด้วยความภูมิใจ ในที่สุดก็มาถึงญี่ปุ่นแล้ว (นี่คือเมิงเอาร้านพวกนี้ เป็นจุดตัดสินว่าได้มาญี่ปุ่นหรอ) ออกมาก็ถึงเวลาได้กลับบ้านซักที ชีวิตในเมืองนี่เหนื่อยเหมือนกันนะ เดินรัวๆ ทำอะไรก็ต้องทำเร็วๆ แต่ก็มีพลัง ทุกอย่างดูยิ่งใหญ่ สนุกมากๆวันนี้ เป็นอีก 1 วันที่ชอบที่สุดแล้ว

สู้กันต่อไปนะ ไอ้มดแดง กัมบัตเตะเนะะะ !!!

ฝันดีนะ ฮาราจูกุ ชินจูกุ ชิบูย่าาาาาา

 ความรู้สึกของวันนี้....
-หิมะตกเว้ย ตกต่อหน้าเลย ต่อแบบจริงๆนะ โว้วสุดยอดดด
-ฟูจิจ๋าพี่มาแล้ว
-บ๊ายบายฟูจิ คงอยากให้เรามาอีกสินะ
-Yoshinoya โคตรอร่อยเลยยยย
-โมจิหิมะ ที่ Yurakucho ก็โคตรฟินเหมือนกัน
-กินซ่า กลางวันก็สวยนะ
-ที่จอดรถเทพมาก
-ในห้างโคตรร้อนนนน
-รองเท้าคือไม่มีแบบ ยี่ห้อกากๆเลยใช่มั้ย
-ข้าวแกงกระหรี่ก็แจ่ม
-นั่งพัก นั่งกินขนมที่สวน เจอเด็กๆ มาเล่นเครื่องเล่น น่ารัก นั่งนึกว่า ประเทศเราน่าจะมีแบบนี้บ้าง มีที่สำหรับเด็กๆทุกที่
-ระหว่างทาง ไป Tokyo station ตึกสวยมาก
-เลนส์ 50 mm เจออากาศหนาวๆแล้ว งอแงง ไม่ focus
-ลองใช้แผ่นแปะ แล้วถึงรู้ว่าทำไมคนญี่ปุ่นเดินตากลมกันชิลๆ เพราะแผ่นนี้แม่งโคตรร้อนเลย
-โตเกียวสเตชันใหญ่จริมๆ
-ความน่ารักพบได้ทั่วไปในโตเกียว
-การ์ตูนที่นี่คงทำเงินต่อวันหลายล้านเยน แต่การ์ตูนประเทศเรา กลับถูกมองว่า มอมเมาเด็ก
-ฮาราจูกุ มีแต่คนแจ่มๆนะจ๊ะ
-ชิบูย่า นายเท่มาก
-ชินจูกุ นายมีร้านแบบนี้เต็มไปหมดเลยนะ ฮั่นแน่ :P
-ตึกที่ประดับด้วยไฟ เยอะแยะไปหมดแบบนี้ มันช่างสวยจัง
-อยากมีเมมกล้องซัก 1TB
- อยากมีเลนส์ แจ่มๆ กว่านี้
-เหนื่อยแต่มันส์
-เดินรัวๆมาก หลับยาวแน่ๆ พรุ่งนี้ตื่นสายได้ด้วย
-สวัสดีราตรีสวัสดิ์


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น